วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การปล่อยว่าง

     การทำใจให้ว่างเปล่าหรือปล่อยวางอาจเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ เพราะหลักคำสอนของศาสนาพุทธเท่าที่ผมทราบมักจะมากจากหลักการปล่อยวาง  การวางทุกสิ่งได้จะทำให้เราหลุดพ้นจากความทุกข์แต่การเข้าใจมันต่างกับการปฎิบัติมาก การปฎิบัติมันทำได้ยาก ยกตัวอย่างเช่น การตาย มนุษย์ทุกคนเกิดมาก็ต้องตายทุกคนเข้าใจ แต่พอมีคนใกล้ตัวตายเราก็ยังทำใจยอมรับมันได้อยากลำบาก และยังคงเสียใจ เพราะการทำจริงมันอยากกว่าการเข้าใจทฤษฎีนั้นเอง

     ศาสนาพุทธกับวิทยาศาสตร์ต่างกันตรงที่ศาสนาสอนให้พ้นทุกข์ด้วยการเข้าใจสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ (ใจมนุษย์นั้นเอง) และดับทุกข์โดยดับที่ใจมนุษย์ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้เกิดทุกข์ ไม่ว่าจะทุกเรื่องอะไรสุดท้ายสิ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ต่างๆมากมายในโลกก็เกิดจากใจเพียงอย่างเดียว ถ้าทำได้สิ่งนี้จะทำให้พ้นทุกข์แบบสมบูรณ์ เพราะถ้าใจหลุดพ้นวางได้ทุกสิ่งก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถทำให้เกิดทุกข์ได้อีก ถึงจะเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็ไม่อาจทำให้เกิดทุกข์ได้ ถ้าใจเราหลุดพ้น

     แต่วิทยาศาสตร์กับค้นหาวิธีพ้นทุกข์ด้วยการสู้กับสิ่งต่างๆที่ทำให้ใจคนเราเกิดทุกข์ เช่น สร้างยาต้านโรค การทำให้มนุษย์มีอายุยืนยาว แต่สิ่งที่ทำให้ใจมนุษย์เกิดทุกข์นั้นมันชั่งมีมากมายหลายอย่างเหลือเกิน ต่อให้มนุษย์ผลิตยาที่ทำให้ไม่เจ็บ ไม่ป่วย และไม่ตายได้ก็ตาม มนุษย์ก็ยังมีความทุกข์อีกหลายๆเรื่องมากมาย ความอิจฉา โกรธ เกลียด ความอยาก ฯลฯ

    ซึ่งถ้าไม่ทำเครื่องมือที่สามารถลบความทุกข์หรือความทรงจำที่ไม่ดีออกไป วิทยาศาสตร์ก็คงไม่สามารถขจัดทุกข์ของมนุษย์ออกไปหมดได้แน่นอน ถ้ามีเครื่องมือที่สามารถลบความทุกข์หรือความทรงจำที่ไม่ดีออกไป ก็จะเป็นหลักการเดียวกับศาสนาพุทธที่ดับทุกข์ที่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์คือ "ใจมนุษย์"

     อาจยังไม่เห็นภาพ เราลองมองแบบสมการ สมการอาจไม่ถูกสักเท่าไรแต่ก็คงพอที่จะเห็นภาพที่ผมคิดไว้
          ความโกรธ + จิตใจ -> ทุกข์
          ความโลภ + จิตใจ -> ทุกข์
          ความกลัว + จิตใจ -> ทุกข์

     ศาสนาพุทธมีวิธีพ้นทุกข์โดยดับที่ต้นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ "จิตใจ"
     วิทยาศาสตร์หาวิธีพ้นทุกข์โดยสู้กับสิ่งที่ทำให้ใจเกิดทุกข์ "สิ่งที่ทำให้ใจเกิดทุกข์" เช่น ความโกรธ ความโลภ ความกลัว ความแก่ ความเจ็บความตาย ความอยาก ฯลฯ
  
      ผมไม่มีข้อมูลของศาสนาอื่นๆ จะขอพูดถึงแค่ศาสนาพุทธในอุดมคติของผม อาจไม่ใช่ศาสนาพุทธที่คนไทยส่วนใหญ่นับถือ เพราะทุกวันนี้ศาสนาถูกเปลี่ยนหรือเอาไปตีความผิดแปลกไปจากเดิม จนไม่รู้ว่ามันถูกต้องหรือไม่ แต่สำหรับผมไม่ได้ยึดถือหลักคำสอนอะไรมากมาย ผมยึดเอาหลักการเดียวคือ "ปล่อยวาง" และพยายามไม่เบียดเบียนผู้อื่นๆ
    
      ผมไม่ค่อยเชื่อในเรื่องณานทิพย์ เรื่องเหลือเชื่อเมื่อนั่งสมาธิถึงจุดหนึ่งแล้วจะมีตาทิพย์มองเห็นชาติก่อน อดีต อนาคต หรือแม้แต่การตายแล้วจะได้กับชาติมาเกิดใหม่ซักเท่าไร แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ เพราะก็มีหลายตัวอย่างเหมือนกัน ที่มีคนเกิดมาแล้วจำชาติที่แล้วได้ พอไปคุยกับญาติเมื่อชาติก่อนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ รู้ทุกเรื่องเหมือนกับเป็นคนๆนั้นจริงๆ ทั้งที่ไม่น่าจะรู้ได้ มันก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร
Disqus Comments